บุคลากรทางการแพทย์อาจเลือกใช้ม้วนผ้าก๊อซโดยใช้เทคนิคการพันแบบเฉพาะ โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ รวมถึงประเภทและตำแหน่งของแผล ระดับการกดที่ต้องการ และความต้องการของผู้ป่วยแต่ละราย เทคนิคการห่อแต่ละแบบมีข้อดีเฉพาะตัวและเหมาะกับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน:
เทคนิคเกลียว: สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการพัน ม้วนผ้าพันแผลผ้ากอซ เป็นเกลียวต่อเนื่องกันรอบๆ แขนขาหรือส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยทั่วไปเทคนิคเกลียวจะใช้สำหรับการยึดผ้าปิดแผลและช่วยพยุงบริเวณแผล ช่วยให้กระจายแรงกดได้สม่ำเสมอและรักษาผ้าปิดแผลให้อยู่กับที่โดยไม่บีบรัดจนเกินไป
เทคนิครูปที่แปด: ในเทคนิคนี้ ม้วนผ้ากอซพันด้วยลวดลายเลขแปดรอบแขนขาหรือข้อต่อ เทคนิคเลขแปดมักใช้ในบริเวณที่ต้องรักษาความยืดหยุ่นและระยะการเคลื่อนไหว เช่น ข้อต่อ ให้การสนับสนุนในขณะที่สามารถเคลื่อนไหวและสามารถช่วยลดอาการบวมโดยส่งเสริมการระบายน้ำเหลือง
เทคนิคแบบวงกลม: เกี่ยวข้องกับการพันม้วนผ้ากอซเป็นวงกลมซ้อนกันรอบๆ แผลหรือส่วนของร่างกาย โดยทั่วไปเทคนิคแบบวงกลมจะใช้สำหรับการประคบเพื่อควบคุมเลือดออก ลดอาการบวม หรือพยุงแขนขาที่ได้รับบาดเจ็บ ให้แรงกดสม่ำเสมอและครอบคลุมทั่วทั้งบริเวณแผล
เทคนิคการพันแผลที่เลือกสามารถส่งผลต่อการสมานแผลได้หลายวิธี:
การกระจายแรงกด: เทคนิคการพันจะกำหนดวิธีกระจายแรงกดบนบริเวณแผล การกระจายแรงกดที่เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญในการส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต ลดอาการบวม และป้องกันความเสียหายของเนื้อเยื่อ
ช่วงของการเคลื่อนไหว: เทคนิคการพันบางอย่าง เช่น เทคนิคฟิกเกอร์เอท ช่วยให้ข้อต่อมีความยืดหยุ่นและระยะการเคลื่อนไหวมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการบาดเจ็บหรือบาดแผลบางประเภท
ความคงตัวของบาดแผล: เทคนิคการพันแบบต่างๆ ให้ระดับความมั่นคงและการรองรับบริเวณแผลที่แตกต่างกัน เทคนิคที่เลือกควรยึดผ้าปิดแผลให้อยู่กับที่โดยไม่ทำให้รู้สึกไม่สบายหรือจำกัดการไหลเวียนของเลือด
การระบายน้ำเหลือง: เทคนิคการพันบางอย่าง เช่น เทคนิครูปที่แปด สามารถช่วยให้การระบายน้ำเหลืองง่ายขึ้น ซึ่งอาจช่วยลดอาการบวมและช่วยให้การรักษาเร็วขึ้น